แผ่นดินธรรม แผ่นดินทอง ตอนที่ 9
- มูลนิธิร่วมด้วยช่วยกันสำนึกรักบ้านเกิด

- 16 มิ.ย. 2565
- ยาว 1 นาที
อัปเดตเมื่อ 3 ส.ค. 2565

ความตั้งใจมิใช่แค่ฝัน
ระยะเวลาสองปีที่ผ่านมา มีสหกรณ์การเกษตร สหกรณ์บริการ ร้านค้าขายของปลีกขนาดเล็กๆ หลายร้อยแห่งเข้ามาใช้และเรียนรู้ประโยชน์ของการค้าขายทางอินเทอร์เน็ตบนเครือข่ายยูคอมเชื่อมโยงธุรกิจชุมชน แต่จนทุกวันนี้ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จอย่างที่คาดหวัง มีธุรกรรมกระจุกอยู่ในวงแคบเพียงไม่กี่สหกรณ์ ร้านค้าปลีกนั้นมีจำนวนมากพอใช้ แต่ผมยังไม่พึงพอใจกับผลงานที่น้องของผมทำให้อยู่ดี
เท่าที่สังเกตดูจะพบว่า สหกรณ์ที่ใช้ประโยชน์จากเครือข่ายสารสนเทศในเชิงการค้าสำเร็จนั้น จะต้องมีผู้บริหารที่มีประสบการณ์เรื่องธุรกิจดี ทำงานอุทิศให้สหกรณ์เต็มตัวตลอดทั้งวัน อีกทั้งระบบบัญชีของสหกรณ์ก็มีการวางมาตรฐานที่ดี โปร่งใส ทำให้ผมพอสรุปได้ในเบื้องต้นว่า ทรัพยากรบุคคลเป็นองค์ประกอบสำคัญในการปฏิรูปแก้ไขปัญหาของเกษตรกร และคนหมู่มากระดับพื้นฐานของประเทศ
การสร้างคน โดยเฉพาะที่เป็นเยาวชนของแผ่นดินไทย ให้มีความรัก ความสามัคคี และจิตสำนึกในหน้าที่ของการเป็นพลเมืองที่ดีของชาติ เช่นที่มูลนิธิสำนึกรักบ้านเกิดกำลังทำอยู่ น่าจะเป็นหนทางที่ควรได้รับการสนับสนุนมากยิ่งๆ ขึ้น ภาครัฐก็สามารถช่วยด้วยการผลักดันให้เป็นนโยบายกระทรวงแก่เจ้าหน้าที่ศึกษาธิการจังหวัดรับไปปฏิบัติเป็นทางการ ปัจจุบันเป็นเพียงความร่วมมือ ไม่เป็นทางการเท่านั้น ซึ่งก็ต้องขอขอบพระคุณศึกษาธิการจังหวัดทุกท่านมา ณ ที่นี้ด้วยครับ
วันหนึ่งประเทศไทยของพวกเราจะมีทรัพยากรบุคคลที่ตั้งใจทำงานอยู่ในบ้านเกิด จังหวัดเกิดของตน และมีเครือข่ายเพื่อนร่วมอุดมการณ์ประจำจังหวัดทุกจังหวัด กระจายตัวประกอบอาชีพหลากหลาย พร้อมเกื้อกูลกันเพื่อสร้างแผ่นดินธรรม แผ่นดินทอง โดยใช้ประโยชน์อย่างสูงสุดจากเครือข่ายสารสนเทศที่ดีเยี่ยมระดับโลกของประเทศเรา
ผมไม่ได้ฝันแบบนั้น ผมตั้งใจให้ได้แบบนั้น สังคมไทยในวันนี้ แบ่งแยกตัวเป็นกลุ่มเล็ก กลุ่มน้อย ดำเนินวิถีชีวิตตามใจชอบ ปฏิบัติตัวแบบไหนก็ไปเกาะกิ่งเดียวกับพวกที่เหมือนตัว ในกลุ่มมากแบบหลากหลายเหล่านี้ ก็มีกลุ่มคนดี จิตใจงาม มีน้ำใจ อยู่เยอะเช่นเดียวกัน พวกผมมีหน้าที่สร้างตัวเชื่อม ร้อยคล้องกลุ่มเหล่านี้เข้าหากัน และเพิ่มขีดความรวดเร็วในการเชื่อมขึ้นอีกสิบเท่า ด้วยเครือข่ายสายใยแก้วผนวกเข้ากับอินเทอร์เน็ตที่เรียกว่า บรอดแบนด์ ตัวย่อว่า " บีบี " เหมือนชื่อผมครับ อ่านดูง่ายๆ ดีนะครับ ก็ไม่ง่ายสำหรับคุณ แต่ก็ไม่ยากเกินตั้งใจ ครับผม !
ช่วงประมาณปีพ.ศ.๒๕๔๓ ที่ผมเป็น "ซีอีโอ" อยู่ที่บริษัทดีแทคนั้น ผมได้เริ่มว่าจ้างสร้างโฆษณาประเภทที่เรียกว่า "ส่งเสริมภาพลักษณ์ขององค์กร" ที่พวกต่างชาติเขาเรียกว่า "คอร์ปอเรท อิมเมจ" ด้วยการนำกิจกรรมที่ทำอยู่ มาถ่ายทอดต่อสาธารณชนในรูปแบบสารคดียาวนาทีครึ่ง ติดต่อกันหลายๆ ชุด
ในแนวคิดนี้ ผมตั้งใจจะให้ได้ประโยชน์จากโฆษณาถึง ๒ ชั้น ชั้นแรกพวกเราจะได้มีโอกาสสื่อสารความคิด ตอกย้ำหน้าที่ที่เราตั้งใจไว้ร่วมกันกับเยาวชนในโครงการสำนึกรักบ้านเกิด ซึ่งเฝ้าชมโทรทัศน์อยู่ทุกวัน และในโอกาสเดียวกันก็ได้สื่อสารเจตนารมณ์ของบริษัทดีแทคต่อสาธารณชน ตามหลักการของความสมประโยชน์
การสื่อสารเรื่องราวที่อิงชีวิตจริงของชาวชนบท ร้อยเรียงความฝัน ความคาดหวังของพ่อแม่ และผู้เฒ่าในหมู่บ้านที่มีต่อเยาวชนที่หลั่งไหลเข้าสู่เมืองหลวง สู่เยาวชนที่ยังไม่ได้ลงมือเดินทาง น่าจะช่วยตอกย้ำอุดมการณ์ให้ฝังลึกลงในจิตสำนึกของเยาวชนของโครงการได้บ้าง ภาพนักศึกษาที่มีความสำนึกรักบ้านเกิด จะได้ติดตรึงอยู่ในหัวใจของเยาวชนในโครงการตลอดไป
แน่นอนที่สุดครับ เราไม่ได้คาดหวังแม้กระทั่งครึ่งหนึ่งของเยาวชนให้รักษาคำมั่นสัญญาที่มีไว้ต่อกัน สื่อโทรทัศน์ วิทยุ และสิ่งตีพิมพ์ ได้นำโลกกว้างและความงดงามของระบบบริโภคนิยม มาฉุดดึงเยาวชนส่วนใหญ่ให้มุ่งเข้าหาฝันในเมืองหลวงอยู่แล้ว
แต่จากจำนวนเยาวชนที่เราตั้งใจจะรับจนครบเก้าร้อยเก้าสิบเก้าคน เพื่อเทิดพระเกียรติขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่เก้าของพวกเราชาวไทย พวกเราขอเพียงหนึ่งร้อยห้าสิบคนเป็นแกนนำประจำจังหวัดเกิดของแต่ละคนก็พอเพียงแล้วครับ ปี พ.ศ.๒๕๔๗ นี้ รัตนโกสินทร์ศก๒๒๒ เป็นปีที่ ๕๙ ของการครองราชย์ขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของเรา ผมได้เยาวชนในโครงการสำนึกรักบ้านเกิดที่จบปริญญาตรีเข้ามาช่วยในโครงการ "ทุนใหญ่ช่วยทุนเล็ก เพื่อแผ่นธรรม แผ่นดินทอง ตามแบบทฤษฎีใหม่ขั้นที่ ๓" ถึง ๑๕ คนแล้ว ก็นับว่าได้ถึงสิบเปอร์เซ็นต์ต์ของที่ตั้งใจกัน
ท่านผู้อ่านอาจจะจำโฆษณาชุดแรกของเรา ที่มีภาพผู้ใหญ่บ้านนั่งอ่านจดหมายจากลูกหลานของหมู่บ้าน ให้ลูกบ้านที่ล้อมวงอยู่ฟัง ด้วยน้ำตาคลอเบ้า เปี่ยมไปด้วยความสุขใจ ที่นายมงคล เชื้อชาติ จะกลับมาพัฒนาบ้านเกิดพร้อมกับปริญญาตรีสาขาพัฒนาการเกษตรด้วย ก็เรียกว่าสามารถเรียกน้ำตาแห่งความตื้นตันได้จากคนดูพอสมควร ทุกครั้งที่ผมดูโฆษณาชุดนี้ ผมก็ยังมีน้ำตาคลอเช่นเดิม
เรื่องที่สองที่เรียกน้ำตาแห่งความสงสาร เป็นเรื่องของแม่เฒ่าที่รอคอยลูกชาย ซึ่งไปเรียนต่อที่กรุงเทพฯ ไปแบบไปลับ ไม่กลับมา ผมก็น้ำตาคลอเบ้าทุกครั้งที่ดูอยู่เหมือนเดิม ผมดูโฆษณาทุกชุดกว่าสี่สิบครั้งครับ เรื่องนี้ตั้งใจครับให้ "เว้าอีสาน" ในฟีล์มเลยครับ ก็กำลังสื่อกับลูกหลานชาวอีสานที่ยังไม่มีโอกาสกลับแผ่นดินแม่ให้คิดถึงบ้านเกิดซะหน่อย
โฆษณาเรื่องอื่นๆ ก็จะเริ่มร้อยความฝันของเยาวชนให้เป็นภาพที่เห็นจริงแทนที่การจินตาการของเด็กๆ เพราะด้วยวิถีชีวิตและสิ่งแวดล้อมในปัจจุบัน บางครั้งเรื่องราวเดียวกันก็สามารถจินตนาการไปคนละแบบ นี่เอาแบบชัวร์ๆ ชัดๆ กันเลยดีกว่า เราก็ได้เริ่มเล่าเรื่องความตั้งใจของ "เด็กหญิงน้ำผึ้ง" ตอนนี้กลายเป็นนางสาวแล้ว ก็ยังเรียนอยู่ในโครงการสำนึกรักบ้านเกิดที่สุพรรณบุรีเหมือนเดิม ตัวจริงเสียงเหน่อจริง เหมือนในโฆษณาที่เธอแสดงเอง
เรื่องต่อมาก็เล่าถึงกิจกรรมของเด็กโต คือเยาวชนระดับมหาวิทยาลัย ช่วงเวลาปิดภาคฤดูร้อน พวกเราจะต้อนเด็กๆ ไปทำกิจกรรมเพื่อสังคม เช่นสร้างโรงเรียน สร้างโรงเรียน และสร้างโรงเรียน สองครั้งแรกเป็นห้องเรียน (จริงๆ คืออาคารเรียนใหม่เพิ่มขึ้นในโรงเรียนที่เด็กๆ เคยเรียนอยู่) ที่ชัยภูมิ และลำพูน ส่วนครั้งปัจจุบัน ยังทำไม่จบเพราะมีอุปสรรคของผู้ใหญ่เข้ามาขัดขวางตลอดเวลา เด็กๆ ของเราเลยทำ "ปอเนาะ" ที่ปัตตานีไม่เสร็จสักที พืชพันธุ์ของแผ่นดินในโครงการสำนึกรักบ้านเกิดมีทุกศาสนาและวัฒนธรรมครับ เหมือนประเทศไทยเปี๊ยบเลย
วันหนึ่งโครงการข้าวแลกปลาของสหกรณ์ร่วมด้วยช่วยกัน ซึ่งใช้เป็นบทฝึกหัดของเยาวชนในโครงการประจำจังหวัดระนองและจังหวัดร้อยเอ็ดก็เกิดขึ้น เลยนำมาผันแปรเป็นโฆษณาด้วย การสนับสนุนให้ร้านขายของชำ ขายของปลีกเล็กๆ ทั่วประเทศ มาใช้บริการระบบสารสนเทศของบมจ.ยูคอมฟรีๆ ก็ถูกถ่ายทอดเป็นโฆษณาชุด "ร้านขายของชำรักบ้านเกิดของอุ้ยต๋า" ขายสินค้าชุมชน ชุมชนอุดหนุนอุ้ยต๋าเป็นความฝันของเราที่อยากเห็น
ตามติดๆ ในปีต่อมาคือโฆษณาชุดอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมของเยาวชนสำนักรักบ้านเกิดในภาคใต้ ด้วยการนำเสนอลิเกฮูลูของพี่น้องภาคใต้ โฆษณาชุดนี้ได้รับรางวัลเพียบ พูดตรงๆ ว่า ไม่ได้ทำให้บมจ.ดีแทคขายโทรศัพท์มือถือเพิ่มขึ้นสักเท่าไหร่ แต่ได้ใจมานับแสน ถูกใจกลุ่มอนุรักษ์ กลุ่มชาวบ้านที่หวงแหนทรัพยากรทางทะเล แต่ไม่ถูกใจชาวประมงบางกลุ่ม ถูกเขาขู่จะฟ้องร้องที่ทำให้ภาพลักษณ์ของชาวประมงเสียหาย ครับ ! เลยถอดโฆษณาชุดนี้ออกเก็บหิ้ง เล่นกล่าวหาว่าทำร้ายมาตุภูมิทั้งๆ ที่พูดความจริง เปลี่ยนเรื่องดีกว่า ว่างและแข็งแรงแล้วค่อยวกมาสะสางกันใหม่
ปีนี้โฆษณาชุดสำนึกรักบ้านเกิดก็เป็นเรื่องที่แปดแล้วนะครับ เนื้อหาก็เกี่ยวกับชาวนาไทยทั้งประเทศ เกี่ยวกับจิตสำนึกของคนดีที่มีแต่ความลำบากซ้ำซาก อยากได้คนมาช่วยให้พ้นทุกข์ แต่ในขณะเดียวกัน "ชาวนาก็เป็นชนชั้นซึ่งเปี่ยมไปด้วยความสำนึก" พิธีขอโทษพระแม่โพสพ ขอโทษที่ต้องทำให้แม่โพสพเจ็บเวลานวดข้าว ซึ่งทำแบบเดียวกันทุกแห่งหนทั่วแผ่นดินไทย ต่างกันตรงรายละเอียดของพิธีบ้าง
ตอนจบของโฆษณาชุดนี้ ถูกเจ้าของงบประมาณ บมจ.ดีแทค ขอร้องให้เปลี่ยนไปจากเป็นการจบด้วยตัวหนังสือขาวดำ มีเคียวชาวนาสีหมาก มาเป็นฉากพระอาทิตย์ขึ้น ท้องฟ้าสดใส ตัวหนังสือวิ่งขึ้นบน ก็ดีครับ เดี๋ยวจะมีคนที่หมั่นไส้เราอยู่แล้ว หาว่าเดี๋ยวนี้ "นายทุนกลายเป็นคอมมูนิสต์" ว่างๆ ผมจะไปตรวจเลือดดูว่ามีเชื้อ "คาร์ล มาร์กซ์" อยู่ไหม
ยังไม่จบนะครับ โฆษณาชุดสำนึกรักบ้านเกิด ต้องมีเรื่องที่เก้าครับ เรื่องนี้จะประมวลภาพกิจกรรมทั้งหมด ความตั้งใจ ความมุ่งมั่น ของชาวคณะยูคอม ดีแทค สำนึกรักบ้านเกิด สหกรณ์ร่วมด้วยช่วยกัน ชาวนา ชาวสวน ชาวไร่ ชาวประมง พลเมืองดีทั้งหลาย วิทยุร่วมด้วยช่วยกัน รวมๆ กันเป็น "ทุนใหญ่ช่วยทุนเล็ก" เพื่อแผ่นดินธรรม แผ่นดินทอง เพื่อถวายองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของเรา และเพื่อลูกหลานชาวไทยทั้งหมดครับ
