Privacy Policy
นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy)
ของมูลนิธิร่วมด้วยช่วยกันสำนึกรักบ้านเกิด ประจำปี 2567
มูลนิธิร่วมด้วยช่วยกันสำนึกรักบ้านเกิด (“มูลนิธิ”) ตระหนักและให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวและการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นอย่างยิ่ง จึงได้จัดให้มีนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ (“นโยบาย”) เพื่อแจ้งให้ท่านทราบถึงวิธีการที่มูลนิธิเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ประเภทของข้อมูล และวัตถุประสงค์ในการดำเนินการดังกล่าว รวมถึงระยะเวลาในการเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลให้แก่บุคคลภายนอก สิทธิของท่าน การรักษาความลับและความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน และวิธีการที่ท่านสามารถติดต่อมูลนิธิ
โดยนโยบายฉบับนี้ ใช้สำหรับบุคคลดังต่อไปนี้
ก. อาสาร่วมด้วยช่วยกันของมูลนิธิ ซึ่งเป็นบุคคลธรรมดา
ข. ผู้ประสบเหตุเดือดร้อน ที่เข้ามาติดต่อกับมูลนิธิ หรือที่มูลนิธิได้หรือจะได้ให้ความช่วยเหลือ
ค. บุคคลธรรมดาที่มีความเกี่ยวข้องหรือมีความสัมพันธ์กับบุคคลตามข้อ ก. และ ข. เช่น บิดา มารดา สามี ภริยา หรือบุคคลในครอบครัว รวมถึงบุคคลที่ได้รับมอบหมายจากบุคคลดังกล่าว
ง. ผู้ประกอบการ ร้านค้า ผู้ให้บริการ ผู้รับจ้าง คู่สัญญาของมูลนิธิ ที่เป็นบุคคลธรรมดา
จ. บุคคลธรรมดาที่มีความเกี่ยวข้องหรือมีความสัมพันธ์กับผู้ประกอบการ ร้านค้า ผู้ให้บริการ ผู้รับจ้าง คู่สัญญาของมูลนิธิ ที่เป็นนิติบุคคล เช่น ผู้ถือหุ้น กรรมการ ผู้รับมอบอำนาจกระทำการแทน ผู้ประสานงาน ผู้ติดต่อ พนักงาน หรือบุคคลที่ได้รับมอบหมาย
ฉ. บุคคลธรรมดาที่ไม่ใช่บุคคลตามข้อ ก. – จ. แต่มูลนิธิอาจมีความจำเป็นต้องเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล เช่น บุคคลที่เข้ามาติดต่อมูลนิธิเพื่อขอความช่วยเหลือ
ช. บุคคลธรรมดาที่ได้ให้ข้อมูลส่วนบุคคลของมูลนิธิ หรือที่มูลนิธิได้รับข้อมูลส่วนบุคคลมาทั้งทางตรงและทางอ้อมไม่ว่าผ่านช่องทางใด
1. คำนิยาม
“ข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง ข้อมูลใดๆ ที่เกี่ยวกับบุคคลธรรมดาที่ทำให้สามารถระบุตัวตนบุคคลนั้นได้ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อมรวมทั้งข้อมูลทุกประเภทที่สามารถบ่งชี้ตัวตน อาทิเช่น ชื่อ หมายเลขประจำตัวบัตรประชาชน หมายเลขโทรศัพท์ ข้อมูลสถานที่อยู่ ข้อมูลออนไลน์ ข้อมูลเอกลักษณ์ทางกายภาพ ทางจิตใจ ทางสังคม เศรษฐกิจ หรือวัฒนธรรม ที่สามารถระบุตัวตนได้ ทั้งนี้ ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรม
“กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 หรือฉบับอื่นที่อาจมีการแก้ไขในภายหลัง รวมถึงพระราชกฤษฎีกา กฎกระทรวง ประกาศ คำสั่ง และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
“อาสาร่วมด้วยช่วยกัน” หมายถึง บุคคลใดๆ ที่เข้าลงทะเบียนเป็นสมาชิกกับมูลนิธิ โดยมุ่งหมายที่จะรับทราบข่าวสาร ประสานงาน ดำเนินการใดๆ ร่วมกับมูลนิธิ เพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ประสบเหตุเดือดร้อน ให้พ้นจากภยันตรายใดๆ ซึ่งมีต่อชีวิต ร่างกาย อนามัย เสรีภาพ หรือทรัพย์สินของผู้ประสบเหตุเดือดร้อน
“ผู้ประสบเหตุเดือดร้อน” หมายถึง บุคคลผู้ที่ได้รับภยันตรายต่อชีวิต ร่างกาย อนามัย เสรีภาพ หรือทรัพย์สิน เนื่องจากเหตุการณ์หนึ่งเหตุการณ์ใด ไม่ว่าเหตุการณ์ดังกล่าวจะเกิดจากการกระทำของมนุษย์หรือไม่ก็ตาม
2. การเก็บรวบรวมและวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล
มูลนิธิจะเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเฉพาะกรณีที่จำเป็นหรือมีฐานทางกฎหมายในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลเท่านั้น ซึ่งรวมถึงกรณีการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อการปฏิบัติตามกฎหมาย การปฏิบัติตามสัญญาซึ่งท่านเป็นคู่สัญญาหรืออาจเป็นตัวแทนหรือบุคคลากรของคู่สัญญา การดำเนินการตามคำขอของท่านก่อนเข้าทำสัญญา เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของมูลนิธิหรือของบุคคลอื่น เพื่อการดำเนินการตามความยินยอมของท่าน และ/หรือ ภายใต้ฐานทางกฎหมายอื่นๆ โดยวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลของมูลนิธิ มีดังต่อไปนี้
2.1 เพื่อการปฏิบัติตามกฎหมาย
เนื่องจากในการดำเนินกิจกรรมของมูลนิธิ บางครั้งมูลนิธิต้องอยู่ภายใต้การกำกับดูแล และต้องดำเนินการตามกฎหมายและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง มูลนิธิจึงมีความจำเป็นต้องเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายและกฎระเบียบของหน่วยงานรัฐ และ/หรือ หน่วยงานที่มีหน้าที่กำกับดูแลกิจกรรมใด ๆ ที่มูลนิธิดำเนินอยู่ ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเฉพาะวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้
-
เพื่อปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และกฎหมายอื่นที่มูลนิธิต้องปฏิบัติตาม
-
เพื่อปฏิบัติตามกฎระเบียบและ/หรือคำสั่งของผู้มีอำนาจ (เช่น คำสั่งศาล คำสั่งของหน่วยงานรัฐ หน่วยงานที่มีหน้าที่กำกับดูแล หรือพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจ)
2.2 เพื่อการปฏิบัติตามสัญญา หรือการดำเนินการตามคำขอของท่านก่อนเข้าทำสัญญา
ในกรณีที่ท่านได้เข้าทำสัญญากับมูลนิธิ หรือมีคำขอก่อนเข้าทำสัญญา ไม่ว่าจะในนามตนเอง หรือในฐานะตัวแทนหรือในนามของบุคคลอื่น มูลนิธิจะเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เพื่อใช้ในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างของมูลนิธิ หรือดำเนินการให้เป็นไปตามสัญญาหรือตามคำขอ ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเฉพาะวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้
-
เพื่อการดำเนินการตามคำขอของท่านก่อนการเข้าทำสัญญากับมูลนิธิ หรือเพื่อการพิจารณาก่อนการเข้าทำสัญญา
-
เพื่อชำระค่าผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการ หรือการดำเนินการอื่นใดเพื่อการปฏิบัติตามสัญญา
2.3 เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของมูลนิธิหรือของบุคคลอื่น
มูลนิธิจะอ้างอิงฐานประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของมูลนิธิหรือของบุคคลอื่นกับสิทธิขั้นพื้นฐานในข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่มูลนิธิจะเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผย ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเฉพาะวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้
-
เพื่อเป็นข้อมูลในการติดตามความคืบหน้าของการให้ความช่วยเหลือ และผลตอบรับจากการให้ความช่วยเหลือในแต่ละครั้ง
-
เพื่อเป็นแหล่งการแบ่งปันข้อมูลที่ใช้ในการติดต่อประสานงาน ช่วยเหลือผู้ประสบเหตุเดือดร้อน ให้สำเร็จลุล่วงไปอย่างรวดเร็ว
-
เพื่อเป็นการสนับสนุนอาสาร่วมด้วยช่วยกัน และเจ้าหน้าที่ของรัฐในการปฏิบัติให้ความช่วยเหลือ ผู้ประสบเหตุเดือดร้อนให้สำเร็จลุล่วง
-
เพื่อเป็นฐานข้อมูลสำหรับการจัดทำกิจกรรมใดๆ เพื่อประโยชน์สาธารณะหรือประโยชน์ของสังคม
-
เพื่อใช้ประกอบกับข้อมูลสถิติ โดยมุ่งหมายเพื่อจัดทำแนวทางในการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบเหตุเดือดร้อน ให้สำเร็จล่วงและได้รับผลเสียน้อยที่สุด
-
เพื่อใช้ในกระบวนการรับสมัคร สรรหา และคัดเลือก อาสาร่วมด้วยช่วยกันของมูลนิธิ เช่น การลงทะเบียนอาสาร่วมด้วยช่วยกันในโครงการต่าง ๆ ของมูลนิธิ เป็นต้น ซึ่งรวมการการจัดเก็บไว้เป็นฐานข้อมูล
-
เพื่อใช้ในการประชาสัมพันธ์ข่าวสารและกิจกรรมต่าง ๆ ของมูลนิธิ เช่น การแจ้งข่าวสารงานโครงการต่าง ๆ ของมูลนิธิ ตลอดจนการประกาศผลรางวัลหรือผู้ชนะในโครงการต่าง ๆ ของมูลนิธิ
-
เพื่อการบริหารจัดการมูลนิธิ หรือปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ต่างๆ (เช่น กำกับตรวจสอบ ตรวจสอบบัญชี ตรวจสอบภายในองค์กร เฝ้าระวัง ป้องกัน และตรวจสอบการทุจริต การให้สินบน การประพฤติโดยมิชอบ)
-
เพื่อการรักษาความปลอดภัย (เช่น บันทึกภาพ CCTV ลงทะเบียน แลกบัตร และ/หรือบันทึกภาพ ผู้ติดต่อก่อนเข้าบริเวณสถานที่ของมูลนิธิ รวมถึงการตรวจจับอุณหภูมิ และการจำแนกใบหน้า)
-
เพื่อจัดการข้อเรียกร้องและข้อพิพาท ฟ้องร้องดำเนินคดีและดำเนินกระบวนการทางกฎหมายที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการดำเนินการบังคับคดี
-
เพื่อใช้ในกระบวนการจัดโครงการ หรือกิจกรรมใด ๆ ของมูลนิธิ รวมถึงเพื่อการดำเนินงานอื่นใดของมูลนิธิที่อาจมีความจำเป็นต้องเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
2.4 เพื่อการดำเนินการตามความยินยอมของท่าน
ในบางกรณี มูลนิธิอาจมีการขอความยินยอมจากท่านในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเฉพาะวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้
-
เพื่อนำไปใช้ในการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจัดโครงการ หรือกิจกรรมต่างๆ เช่น การขอถ่ายภาพนิ่งสำหรับนำไปประมวลภาพและประชาสัมพันธ์กิจกรรมตามช่องทางต่าง ๆ ของมูลนิธิ
-
การดำเนินการอื่นที่มูลนิธิต้องได้รับความยินยอมจากท่าน
2.5 เพื่อการดำเนินการภายใต้ฐานทางกฎหมายอื่นๆ
นอกเหนือจากวัตถุประสงค์ข้างต้น มูลนิธิอาจมีความจำเป็นต้องเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านภายใต้ฐานทางกฎหมายอื่น ดังต่อไปนี้
-
ป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพบุคคล
-
เป็นการจำเป็นเพื่อการปฏิบัติหน้าที่ในการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะหรือเพื่อการใช้อำนาจของพนักงานเจ้าหน้าที่
มูลนิธิขอแจ้งให้ท่านทราบว่า ในกรณีที่ท่านไม่ให้ข้อมูลส่วนบุคคลแก่มูลนิธิเมื่อมูลนิธิร้องขอ และเป็นกรณีที่ข้อมูลส่วนบุคคลเหล่านั้นมีความจำเป็นสำหรับการปฏิบัติตามกฎหมาย จำเป็นในการเข้าทำสัญญาหรือปฏิบัติตามสัญญา มูลนิธิอาจไม่สามารถช่วยเหลือ หรือดำเนินการตามคำขอของท่านได้
3. ข้อมูลส่วนบุคคลที่มูลนิธิเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผย
ข้อมูลส่วนบุคคลที่มูลนิธิเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผย จะแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ หรือความสัมพันธ์ของท่านที่มีอยู่กับมูลนิธิ ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเฉพาะข้อมูลดังต่อไปนี้
ข้อมูลส่วนบุคคลทั่วไป
ข้อมูลตามบัตรประชาชน (ยกเว้นศาสนา) หมายเลขโทรศัพท์ สถานะทางครอบครัว อาชีพ ความชำนาญเฉพาะตัว ข้อมูลการอบรมด้านวิชาชีพ-กู้ภัย การย้าย สังกัดฐาน ประวัติผลงาน ประวัติการกระทำผิดระเบียบวินัย ข้อมูลเกี่ยวกับรถ ทะเบียนรถยนต์ รูปพรรณสัณฐาน
ข้อมูลส่วนบุคคลที่อ่อนไหว
ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลด้านสุขภาพ และการบาดเจ็บ
4. แหล่งที่มาของข้อมูลส่วนบุคคล
มูลนิธิอาจได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากช่องทางดังต่อไปนี้
4.1 การเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลโดยตรงจากท่าน
มูลนิธิอาจได้ข้อมูลส่วนบุคคลมาจากท่านโดยตรง เนื่องจากการติดต่อหรือดำเนินการต่าง ๆ ระหว่างท่านกับมูลนิธิ เพื่อใช้ในการดำเนินการตามวัตถุประสงค์ที่ระบุไว้ในนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลนี้ ซึ่งอาจรวมถึงแต่ไม่จำกัดเฉพาะกรณีดังต่อไปนี้
-
กรณีที่ท่านติดต่อหรือให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านกับมูลนิธิ เพื่อการเข้าทำสัญญาต่างๆ กับมูลนิธิ เพื่อขอรับหรือรับการช่วยเหลือ หรือเพื่อเข้าร่วมโครงการหรือกิจกรรมต่าง ๆ ของมูลนิธิ ซึ่งรวมถึงกรณีที่ท่านให้ข้อมูลแก่มูลนิธิเพื่อเข้าร่วมเป็นอาสาร่วมด้วยช่วยกันด้วย
-
กรณีที่มูลนิธิได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากการรับส่งข้อความทางอีเมล หรือช่องทางสื่อสารอื่น ๆ ระหว่างมูลนิธิกับท่าน
-
กรณีที่ท่านใช้งานเว็บไซต์ของมูลนิธิ ซึ่งมูลนิธิได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านผ่าน Cookies ของท่าน
-
กรณีที่ท่านได้ให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านกับมูลนิธิ ผ่านอาสาร่วมด้วยช่วยกัน หรือบุคลากรของมูลนิธิ หรือผ่านช่องทางออนไลน์ของมูลนิธิ เช่น ผ่านทาง Facebook ของมูลนิธิ เป็นต้น
-
กรณีที่ท่านได้ให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านกับมูลนิธิ หรือมูลนิธิได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากการดำเนินงานเพื่อรักษาความปลอดภัยของมูลนิธิ
4.2 การเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากแหล่งอื่น
มูลนิธิอาจได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านมาจากแหล่งอื่นที่ไม่ใช่จากท่านโดยตรง ซึ่งแหล่งข้อมูลดังกล่าวมีสิทธิเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยชอบด้วยกฎหมาย เช่น หน่วยงานของรัฐ บุคคลที่มีความเกี่ยวข้องหรือ มีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับท่าน โดยบุคคลดังกล่าวได้ขอความยินยอมหรือมีสิทธิโดยชอบด้วยกฎหมายที่จะเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
5. การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลให้บุคคลอื่น
มูลนิธิจะไม่เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านกับบุคคล นิติบุคคล หรือหน่วยงานอื่นใด (“บุคคลอื่น”) เว้นแต่เป็นการเปิดเผยเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์การเก็บรวบรวมและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลตามที่ระบุไว้ในนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลนี้ โดยมูลนิธิอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้บุคคลอื่น ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเฉพาะบุคคลดังต่อไปนี้
-
อาสาร่วมด้วยช่วยกัน พนักงาน หรือบุคลากรของมูลนิธิที่ดำเนินงานให้กับมูลนิธิ
-
ผู้ให้บริการ หรือผู้รับจ้างต่าง ๆ ที่ได้รับการว่าจ้างมูลนิธิ เพื่อให้ช่วยเหลือสนับสนุนการดำเนินงานของมูลนิธิ
-
ที่ปรึกษาวิชาชีพ เช่น ที่ปรึกษากฎหมาย รวมถึงทนายความ
-
หน่วยงานที่ต้องการตรวจสอบการบริหารจัดการข้อมูลทั้งภายนอกและภายใน เพื่อป้องกันการทุจริต
-
หน่วยงานภาครัฐ หน่วยงานที่บังคับใช้กฎหมาย หน่วยงานที่มีอำนาจควบคุมและกำกับดูแลตามกฎหมาย
-
หน่วยงานอื่นเพื่อวัตถุประสงค์ทางกฎหมาย เช่น หน่วยงานที่ปฏิบัติตามคำสั่งทางกฎหมาย หน่วยงานตรวจสอบ หรือกระบวนการทางกฎหมายหรือการฟ้องร้อง
-
บุคคลอื่นที่ท่านได้ให้ความยินยอม รวมถึงบุคคลทั่วไป ในกรณีที่ท่านให้ความยินยอมแก่มูลนิธิในการประชาสัมพันธ์
6. ระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล
มูลนิธิจะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในระยะเวลาเท่าที่จำเป็น ตามระยะเวลาที่มีสัญญาหรือ นิติสัมพันธ์ตามกฎหมายที่บังคับใช้ระหว่างท่านและมูลนิธิ หรือเท่าที่จำเป็นต่อการดำเนินงานของมูลนิธิตามวัตถุประสงค์ที่ระบุไว้ในนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลนี้ เว้นแต่เป็นกรณีเพื่อการปฏิบัติตามกฎหมายและกฎระเบียบที่ใช้บังคับกับมูลนิธิ หรือเพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนดในการปฏิบัติงานภายในของมูลนิธิ หรือเพื่อดำเนินการตามข้อเรียกร้องหรือใช้สิทธิทางกฎหมาย หรือกรณีที่หน่วยงานกำกับดูแลร้องขอ ซึ่งข้อมูลจะถูกจัดเก็บรักษาไว้ต่อไปตามระยะเวลาที่เหมาะสมและจำเป็นสำหรับข้อมูลส่วนบุคคลแต่ละประเภท
มูลนิธิจะดำเนินการลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคล หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ตามมาตรฐานการทำลายข้อมูลของมูลนิธิ เมื่อพ้นระยะเวลาจัดเก็บ หรือเมื่อมูลนิธิไม่มีสิทธิหรือไม่สามารถอ้างฐานในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านแล้ว
7. สิทธิของท่านเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล
ท่านในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล มีสิทธิตามกฎหมายดังต่อไปนี้
สิทธิในการเข้าถึงและขอรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
ท่านมีสิทธิเข้าถึงและได้รับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่มูลนิธิมีอยู่ เว้นแต่กรณีที่มูลนิธิมีสิทธิปฏิเสธคำขอของท่านตามกฎหมายหรือคำสั่งศาล หรือกรณีที่คำขอของท่านจะมีผลกระทบที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อสิทธิและเสรีภาพของบุคคลอื่น
สิทธิในการแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
ท่านมีสิทธิขอแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ไม่ถูกต้องหรือไม่สมบูรณ์ และทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นปัจจุบันได้ ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับข้อกำหนดของกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องด้วย
สิทธิในการขอให้ลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
ท่านมีสิทธิขอให้มูลนิธิลบหรือทำลายข้อมูลของท่าน หรือทำให้ข้อมูลของท่านเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนของท่านได้ เว้นแต่กรณีที่มูลนิธิมีความจำเป็นต้องปฏิบัติตามสัญญาสำหรับการให้บริการ หรือมีเหตุอันชอบด้วยกฎหมายในการปฏิเสธคำขอของท่าน
สิทธิในการระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
ท่านมีสิทธิขอให้มูลนิธิระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในบางกรณี (เช่น มูลนิธิอยู่ระหว่างการตรวจสอบคำขอใช้สิทธิแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลหรือคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือท่านขอให้มูลนิธิระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลแทนการลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลที่ไม่มีความจำเป็นอีกต่อไป)
สิทธิในการขอให้โอนหรือส่งข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
ท่านมีสิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ในกรณีที่มูลนิธิได้ทำให้ข้อมูลนั้นอยู่ในรูปแบบที่สามารถอ่านหรือใช้งานโดยทั่วไปได้ด้วยเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ทำงานได้โดยอัตโนมัติและสามารถใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ และมีสิทธิขอให้มูลนิธิส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังบุคคลภายนอก หรือขอรับข้อมูลส่วนบุคคลที่มูลนิธิได้ส่งหรือโอนไปยังบุคคลภายนอก เว้นแต่มูลนิธิไม่สามารถทำได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ หรือโดยสภาพทางเทคนิคไม่สามารถทำได้ หรือมูลนิธิมีเหตุในการปฏิเสธคำขอของท่านโดยชอบด้วยกฎหมาย
สิทธิในการคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
ท่านมีสิทธิคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในกรณีที่มูลนิธิดำเนินการภายใต้ฐานประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย หรือเพื่อวัตถุประสงค์อื่นนอกจากที่ระบุในนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลนี้ เว้นแต่กรณีที่มูลนิธิมีเหตุในการปฏิเสธคำขอของท่านโดยชอบด้วยกฎหมาย (เช่น มูลนิธิสามารถแสดงให้เห็นว่าการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านมีเหตุอันชอบด้วยกฎหมายยิ่งกว่า หรือเพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องทางกฎหมาย หรือเพื่อประโยชน์สาธารณะของมูลนิธิ)
สิทธิในการขอถอนความยินยอม
เมื่อท่านให้ความยินยอมกับมูลนิธิเพื่อวัตถุประสงค์อย่างหนึ่งอย่างใดโดยเฉพาะแล้ว ท่านมีสิทธิถอนความยินยอมเมื่อใดก็ได้ เว้นแต่เป็นกรณีที่มีข้อจำกัดสิทธิตามกฎหมาย หรือเกี่ยวข้องกับสัญญาที่ให้ประโยชน์แก่ท่าน ทั้งนี้การถอนความยินยอมอาจส่งผลกระทบต่อสิทธิประโยชน์ของท่าน ท่านจึงควรศึกษา สอบถามถึงผลกระทบก่อนการดำเนินการใช้สิทธิดังกล่าว ทั้งนี้ การถอนความยินยอมของท่านจะไม่ส่งผลกระทบต่อการเก็บรวบรวม ใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ได้ให้ความยินยอมไว้แล้วโดยชอบก่อนการถอนความยินยอมดังกล่าว
8. การใช้ข้อมูลส่วนบุคคลตามวัตถุประสงค์เดิม
มูลนิธิมีสิทธิในการเก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่มูลนิธิได้เก็บรวบรวมไว้ก่อนวันที่ พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการเก็บรวบรวม การใช้ และการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลมีผลใช้บังคับ ต่อไปตามวัตถุประสงค์เดิม หากท่านไม่ประสงค์ที่จะให้มูลนิธิเก็บรวมรวมและใช้ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวต่อไป ท่านสามารถแจ้งมูลนิธิเพื่อขอถอนความยินยอมของท่านเมื่อใดก็ได้
9. มาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูล
มูลนิธิตระหนักถึงความสำคัญของการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน มูลนิธิจึงกำหนดให้มีมาตรการในการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลอย่างเหมาะสมและสอดคล้องกับการรักษาความลับของข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งรวมถึงมีการกำหนด แนวทางปฏิบัติสำหรับบุคลากรของมูลนิธิร่วมด้วยช่วยกันสำนึกรักบ้านเกิด ตามเอกสารแนบท้ายหมายเลข 1 ทั้งนี้ เพื่อป้องกันการ สูญหาย การเข้าถึง ทำลาย ใช้ แปลง แก้ไข หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่มีสิทธิหรือโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ตลอดจนการป้องกันมิให้มีการนำข้อมูลส่วนบุคคลไปใช้โดยมิได้รับอนุญาต
10. เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
หากท่านประสงค์จะใช้สิทธิของท่านที่มีตามกฎหมาย หรือแจ้งการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล หรือมีข้อสงสัยหรือต้องการสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับนโยบายฉบับนี้ โปรดติดต่อเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลตามรายละเอียดด้านล่างนี้
เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
ชื่อ ชวลิต โชติวาณิชย์เสถียร
ที่อยู่ 499 อาคารเบญจจินดา ถนนกำแพงเพชร 6, แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพ
เบอร์โทร 02-016-5555 ต่อ 2506
อีเมล chaowalit_c@benchachinda.co.th
11. การเปลี่ยนแปลงนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
เพื่อประโยชน์และประสิทธิภาพสูงสุดในการให้บริการแก่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล มูลนิธิอาจมีความจำเป็นต้องปรับปรุงหรือแก้ไขนโยบายการจัดการข้อมูลส่วนบุคคลนี้ โดยไม่ได้แจ้งให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลทราบล่วงหน้า ดังนั้น มูลนิธิจึงขอให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลหมั่นตรวจสอบนโยบายการจัดการข้อมูลส่วนบุคคลนี้อย่างสม่ำเสมอ